คอลัมนิสต์จำลอง ฝั่งชลจิตร

โกงบ้านโกงเมือง : จำลอง ฝั่งชลจิต

โกงบ้านโกงเมือง เป็นคำซ้ำๆ เราได้ยินอยู่เสมอ ได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ เวลานั้นเราไม่รู้ถึงความหมายลึกซึ้งอะไรนักหรอก

นั่นเพราะเด็กๆ ไม่ค่อยรู้รายละเอียด เชื่อมโยงอะไรไม่ถูก หรือเชื่อมไม่เป็นเอาเสียเลย เด็ก ๆจึงมักพูดโพล่งออกไปทำนองว่า “โกงบ้านโกงเมืองก็ช่างมัน ปล่อยเขาทำไป อย่ามาโกงเราก็แล้วกัน”

โกงบ้างโกงเมือง แรกๆ เด็กไม่รู้ว่าใครโกง ไม่เห็นใบหน้าคนโกง และยังมองว่าเมืองเป็นสิ่งอื่นๆ คนอื่นๆ หรือไม่เกี่ยวกับเรา จนเมื่อเด็กรู้จักตั้งคำถาม “ใครโกง ?” หรือ “พวกไหนที่สามารถโกงเมืองได้” ถ้าเด็กๆ ยังตั้งคำถามและจริงจังกับคำถามของตัวเอง ไม่นานพวกเขาจะได้คำตอบ

“คนมีอำนาจ”

และถามต่อว่าคนมีอำนาจแบบไหน ที่สามารถโกงบ้านโกงเมืองได้

เท่าที่เราเห็นเป็นรูปธรรม อำนาจอิทธิพลในท้องถิ่น อาศัยคนและปืนบุกรุกแม่น้ำ ลำธาร ป่าเขา เข้าไปครอบครองที่ดินซึ่งมีป่าไม้ และแร่ธาตุใต้ผืนดิน แน่นอนการทำเช่นนี้ได้ต้องอาศัยอำนาจเงินเบิกทาง

ใช้เงินเบิกทางอย่างไร เงินใช้เลี้ยงคน มือปืน ใช้ไปบุกรุกขับไล่หรือฆ่าเจ้าของคนเก่าที่บุกรุกแผ้วถางเอาไว้พอเป็นที่ทำกินหรือขายต่อ เราจึงเห็นว่าบางตระกูลมีที่ดินเป็นหมื่นไร่ในสถานที่ต่างๆ กัน ทั้งเหนือใต้ออกตก

ที่ดินแม้ว่างเปล่าแต่มีเจ้าของ คือเป็นของบ้านของเมือง หรือเป็นของหลวง ของประเทศชาติ ที่อาจนำมาจัดสรรแก่ประชาชน เมื่อมีใครสักคนเข้าไปครอบครองเป็นเจ้าของโดยบ้านเมืองไม่อนุญาต นี่คือโกงบ้านโกงเมือง ซึ่งหมายรวมถึงโกงคนอื่นๆ ที่มีสิทธิเข้าครอบครองหลังทางราชการเข้ามาจัดสรรให้ประชาชนเป็นที่ทำกิน

ประชาชนคนยากจนจำนวนมากไม่มีที่อยู่อาศัย จึงไม่มีที่ทำกินของตัวเอง ไม่มีที่เพาะปลูกพืชผล ไม่มีพื้นดินปลูกสร้างที่อยู่อาศัย กลายเป็นคนเร่ร่อนหลักลอย ที่พอมีเรี่ยวแรงก็ไปทำงานขายแรงตามแหล่งงานต่างๆ ซึ่งไร้หลักประกัน มีลูกหลานก็ขาดโอกาสรับการศึกษา

คนโกงบ้านโกงเมืองได้มาก และโกงได้เก่ง คือคนถือกฎหมาย อาศัยกฎหมายรับใช้ตนเอง กฎหมายออกมาเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อความสุขของคนในสังคม แต่อย่างที่กล่าวกัน “ชนชั้นใดออกกฎหมาย ก็ออกมารับใช้ชนชั้นนั้น”

อยากได้ประโยชน์หรือมอบประโยชน์แก่ใคร ปีศาจกฎหมายก็จะร่างมาตราต่างๆ ขึ้นมา ร่างให้เชื่อมโยงเป็นเขาวงกต มีทางหนีทีไล่ มีรูร่องช่องลับที่รู้กันเฉพาะพวกตน และท้ายที่สุดกฎหมายก็เอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มที่บงการให้เขียนกฎหมายฉบับนั้นๆ

ณ เวลานี้ประชาชนชาวไทยที่รู้และเพิ่งรู้คุณประโยชน์ของกัญชาในทางการแพทย์ การเยียวยารักษามะเร็งและโรคอื่นๆ ต่างจับตาดูว่ากฎหมายเกี่ยวกับกัญชาจะออกมาเอื้อประโยชน์แก่ประชาชน เขียนกฎหมายให้ประชาชนเข้าถึงกัญชาเหมือนเข้าถึงพริกขี้หนูหรือขมิ้นที่ลงแรงปลูกไว้ในสวนหลังบ้านหรือไม่

กัญชาถูกตราว่าเป็นยาเสพติด กฎหมายจะปลดกัญชาออกจากยาเสพติด วางพืชสมุนไพรตัวนี้ไว้ตรงที่ประชาชนเอื้อมถึงหรือเอื้อมไม่ถึง โดยร่างกฎหมายระบุความผิดจำคุกหรือปรับเงินมาบังคับ คนที่เพลิดเพลินและได้ประโยชน์กลายเป็นกลุ่มทุนใหญ่หรือบริษัทยาต่างประเทศที่ส่งผลิตภัณฑ์ยาจากกัญชามาขาย ข้ออ้างสั้นๆ และกระชับที่ใช้ผลักไสไล่ส่งผลิตภัณฑ์ของประชาชน คือ “ไม่มีมาตรฐาน” โดยมีหน่วยงานรับประกันคุณภาพอย่าง อย. เป็นองค์กรคอยกีดกัน หรือเป็นเครื่องมือป้องกันประชาชนไม่ให้เข้าถึงผลประโยชน์ที่ควรได้รับอย่างเสมอหน้า

โกงบ้านโกงเมืองแท้จริงคือโกงประชาชน ประชาชนเป็นคนส่วนมาก เป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง เป็นผู้ผลิตสินค้าและอาหาร เป็นผู้เสียภาษีบำรุงประเทศ เอาไปสร้างโรงพยาบาล ถนนหนทาง การศึกษา ฯลฯ เงินตราในรูปภาษีที่ควรจะมาบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน ถ้าผู้มีอำนาจฮุบเอาไปเป็นสมบัติส่วนตัว อธิบายไม่ได้ว่ามาจากไหน นั่นคือตัวอย่างของคนโกงบ้านโกงเมือง หรือโกงความสุขของประชาชน ยัดเยียดความทุกข์ความเดือดร้อนใส่มือประชาชน

เด็กๆ ไม่รู้หรอกว่าใบหน้าที่แท้จริงของคนโกงบ้านโกงเมืองเป็นอย่างไร เพราะพวกเขาค้อมหัวก้มหน้ายกมือไหว้เสียทุกครั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *