คอลัมนิสต์บุญทม วันสูง

คุณธรรมหรือใครทำ : บุญทม วันสูง

ต้องใช้ความหน้าด้านถึงขนาดไหนกันนะ ถึงจะทำอะไรแบบนี้ได้…

ผมนิ่งนึกถึงเรื่องราวที่ครูรุ่นน้องในโรงเรียนเล่าให้ฟัง คิดวิเคราะห์ แยกแยะ เพื่อให้ตัวเองเข้าใจถึงต้นสายปลายเหตุ ที่มาที่ไป ในฐานะที่เป็นนักศึกษาทางมนุษยศาสตร์ ที่ต้องเข้าใจมนุษย์อันเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษา แต่ก็นั่นแหละ ผมนึกว่าเรื่องราวแบบนี้จะมีแต่ในนิยายน้ำเน่าที่ผมเคยอ่านเสียอีก

หรือมันอาจเป็นเพราะความต้องการที่จะพัฒนาตัวเองของครูในด้านวิทยฐานะ เงินประจำตำแหน่งที่เพิ่มขึ้น ภาวะทางเศรษฐกิจของครอบครัว ทำให้เกิดการแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งใบประกาศเกียรติคุณว่าเป็นครูผู้สอนนักเรียนจนได้รางวัลโน้นรางวัลนี้ ตั้งแต่ระดับกลุ่มโรงเรียน ไปจนถึงระดับอำเภอ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับภาค จนไปถึงระดับชาติ เกียรติบัตรพวกนั้นเป็นใบเบิกทางสำหรับคุณครูที่จะพัฒนาตนเอง เพื่อเลื่อนระดับให้มีวิทยฐานะที่สูงขึ้น มีเงินประจำตำแหน่งที่มากขึ้น มีหน้ามีตาในวงสังคม

ผมไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก

เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าผมเป็นครูอินดี้ ผมไม่เข้าใจความหมายของคำว่าครูอินดี้ที่เขาว่า ผมรู้ว่าผมไม่ชอบการแข่งขัน ผมอยู่ในระบบราชการยาก ไม่เจริญเติบโตก้าวหน้าเหมือนพวกรุ่นพี่ พวกเพื่อน หรือรุ่นน้องคนใด ผมไปอย่างช้าๆ ไม่คิดน้อยเนื้อต่ำใจกับบั้งซีบนไหล่ของตัวเอง เงินประจำตำแหน่งก็หมดไปกับหนี้สหกรณ์

ผมรู้ว่าผมขาดวินัยทางการเงิน แต่ผมไม่ขวนขวายที่จะพัฒนาตนเองอย่างที่เขาว่า ถ้าคำว่าการพัฒนาตนเองนั้นต้องจ้างเขาทำ เสียเงินเป็นแสนๆ บาท เพื่อให้ได้วิทยฐานะที่เพิ่มขึ้น แล้วไปส่งเสริมให้พวกที่หากินแบบนี้เติบโตต่อไป ผมปฏิเสธนายหน้าทั้งหลายที่ติดต่อมาทางกล่องข้อความไปหลายคนแล้ว

ผมคงเป็นคนขวางโลก

กลับมาที่เรื่องของครูรุ่นน้องที่ถูกเขาโกง มันเป็นการประกวดโครงงานคุณธรรมในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งประกอบไปด้วยโรงเรียนจำนวน ๕ อำเภอที่อยู่ในเขตพื้นที่เดียวกัน โรงเรียนที่เข้าร่วมการแข่งขันมี ๙ โรงเรียนซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละอำเภอ เราชนะในระดับกลุ่ม ระดับอำเภอ จนเข้ามาถึงระดับเขตพื้นที่ พวกเขาทุ่มเทฝึกซ้อม นักเรียน ๕ คนและครูผู้ฝึกสอนทั้งสองคน

ว่ากันตามตรง มันคือการนำเอากิจกรรมที่โรงเรียนทำอย่างเป็นปกตินั่นแหละ มานำเสนอในรูปแบบของโครงงาน เพื่อการแก้ปัญหาต่างๆ โดยให้นักเรียนทั้ง ๕ ฝึกซ้อมนำเสนออย่างคล่องแคล่ว ผสมผสานทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน

นักเรียนของเราชนะเลิศในระดับต่างๆ มาอย่างใสสะอาด กรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ จนมาถึงระดับเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งมีกรรมการ ๕ ท่าน

๑ ใน ๕ เป็นครูเจ้าของโครงงาน ที่เข้าร่วมการแข่งขัน

วันนั้นดูจะเป็นวันที่วุ่นวาย ผมมีหน้าที่ต้องไปดูแลนักเรียนที่เข้าร่วมการแข่งขันรายการอื่น ว่าไปแล้วตัวเองก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่อย่างใด แต่เมื่อได้รับมอบหมายก็ต้องทำตามหน้าที่ให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ นักเรียนของเราเดินทางลงจากดอย ห่างจากสถานที่ที่จัดการแข่งขันประมาณ ๘๐ กิโลเมตร ลงมาตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เพื่อมาเตรียมตัว

เด็กดอยกับการเมารถเป็นของคู่กัน มีน้อยคนที่ไม่เมารถ ก่อนจะขึ้นรถต้องเตรียมกินยาแก้เมากันก่อน ถึงกระนั้น หลายคนก็อ้วกกลางทางจนร่างกายสะบักสะบอม หลายรายการแข่งขันพอมาเจอกับสภาพนักเรียนแบบนี้ ก็ได้แต่ภาวนาให้พระเจ้าช่วยเท่านั้น

หลายโรงเรียนแก้ปัญหาด้วยการพานักเรียนมาพักนอนก่อน ๑ วัน โรงเรียนเล็กๆ ก็สามารถทำได้ มีรายการแข่งขันไม่กี่รายการ หรือบ้านครูอยู่ใกล้สถานที่แข่งขัน ก็พานักเรียนไปพักที่บ้าน พอถึงวันแข่งก็เบาใจว่านักเรียนไม่อิดโรยกับการเดินทาง

แข่งขันกันเสร็จเกือบเย็น ผลการแข่งขันทยอยประกาศในหน้าเว็บไซต์ของสำนักงานเขตพื้นที่ ฯ

มีรายการที่ผ่านเข้ารอบไปต่อในระดับภาค ๔ รายการ ผู้บริหารหน้าบาน รวมทั้งครูผู้ฝึกสอนยิ้มไม่หุบ มีรายการของน้องครูท่านนี้เท่านั้น ที่ได้รองชนะเลิศ เขายื่นรูปในมือถือให้ผมดู มันเป็นใบคะแนนของการแข่งขันโครงงานคุณธรรมรายการนั้น

กรรมการ ๔ ท่านให้โรงเรียนของผมชนะ ๘๒ ๘๖ ๘๗ และ ๘๙ คะแนน มีเพียงกรรมการท่านนั้นที่เป็นครูฝึกสอนโรงเรียนที่เข้าแข่งขันนั้นด้วย ผมย้ำประโยคข้างต้นที่ให้คะแนนเพียง ๖๒ คะแนน จากการกดคะแนนดังกล่าว ทำให้คะแนนของอีกโรงเรียนชนะโรงเรียนของผมไป

ผมไม่รู้ว่าทำไมคนเราต้องการชนะกันถึงขนาดนี้

ผมนิ่งนึกในตอนนี้แล้วก็นึกอะไรขึ้นมา มันช่างย้อนแย้งอย่างเหลือเชื่อ การแข่งขันโครงงานคุณธรรมแต่กรรมการกลับไม่มีคุณธรรมเอาเสียเลย เล่าเรื่องนี้เพื่อนฝูงในเฟซบุ๊กฟัง หลายคนต่างออกเสียงเดียวกันว่า ที่ไหน ๆ ก็เป็นกันแบบนี้ทั้งนั้น

ผมได้แต่ปลง เบะปาก และมองบน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *