กาสร วงศ์ชมพูคอลัมนิสต์

ความอ่อนล้าของระบบราชการ

องคาพยพของระบบราชการนั้นใหญ่โตมาก ใครไม่มาทำงานในระบบคงไม่รู้ซึ้ง จะทำงานแต่ละอย่างเต็มไปด้วยเอกสาร จดหมายฉบับเดียวถูกส่งตรวจผ่านเกือบสิบโต๊ะจากหน่วยงานผู้ปฏิบัติไปถึงผู้บริหารทีละระดับชั้น ต้องมีคนเซ็นกำกับนับสิบคน ถูกแก้แล้วแก้อีกจนแทบท้อ เอาเข้าจริง สิ่งที่แก้บางครั้งมิใช่สาระด้วยซ้ำ หากแต่ยึดถือรูปแบบ เคาะวรรค กั้นหน้า กั้นหลัง จดหมายฉบับเดียวจึงผลาญกระดาษพิมพ์ไปหลายสิบแผ่น กว่าอธิบดีจะลงนาม

ข้าราชการบางคนไม่เคยเจอถึงกับท้อ ท้อเพราะการแก้อย่างไร้สาระ พาลไม่อยากทำงานเอาดื้อๆ

หากเป็นการอนุมัติงบประมาณยิ่งเพิ่มขั้นตอนมากขึ้น จะเบิกค่าเดินทางที ความคล่องตัวหดหาย หลายคนยอมสำรองเงินส่วนตัวไปก่อน เพราะยอมรับว่าเสนอบันทึกอนุมัติไม่ทันเวลาที่ต้องล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ คนที่พอมีเงินสำรองก็ดีไป แต่คนที่ไม่มีเงิน ต้องยอมหยิบยืมเพื่อนมาทำงาน ถือว่ารันทดเกินไปกับชะตากรรมเช่นนี้

ความเชื่องช้าของการขับเคลื่อนระบบราชการ ไม่เพียงส่งผลต่อความสำเร็จของงานเท่านั้น หลายครั้งอาจผลาญงบประมาณไปโดยไม่อาจแก้ปัญหาที่ควรแก้ได้ในระยะเวลาที่พึงกระทำ ต่างคนต่างทำคือปัญหาที่พบมาก

ด้วยอยากมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ จึงไม่มีแนวคิดเชิงบูรณาการ เกรงว่าจะกลายเป็นผลงานของหน่วยงานอื่น มิได้มุ่งหมาย “ผล” มากกว่าว่า “ใคร” เป็นผู้ดำเนินการ ฉะนั้นจึงเห็นว่า มีภารกิจหลายอย่างซ้ำซ้อนในหลายหน่วยงาน สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้ตรงจุด พากันไปแก้ในจุดที่มองเห็นชัดเจน

แต่จุดที่ไม่มีใครเห็นก็ยังคงอยู่เช่นเดิม.

นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ แต่เรื่องใหญ่มากกว่านี้ คือเรื่องงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน กว่าที่งบจะส่งไปแก้ปัญหาในพื้นที่ บางครั้งส่งข้ามหน่วยงานต่อๆ กันไปหลายทอด งบที่ขอไว้มันก็แหว่งวิ่นลงทีละน้อย กว่าจะถึงผู้ได้รับผลกระทบตัวจริง เหลือไม่ถึงครึ่ง จากภาพใหญ่ ย่อย่นจนย่อยลงมาถึงหน่วยปฏิบัติ

งบประมาณเหล่านั้นหายไปไหน

ทำไมมันจึงสามารถโดนหักเบี้ยใบ้รายทางได้มากขนาดนี้ สุดท้ายแล้ว ภาพฝันแห่งอุดมคติไม่เคยมีอยู่จริง ต่อให้เราไม่โกง แต่จะสู้ความยิ่งใหญ่แห่งระบบราชการได้หรือ

คิดแล้วก็เหนื่อยแทน

อันที่จริงการยินยอมพร้อมใจ การยอมให้เกิดขึ้น หรือการนิ่งเฉยก็เป็นส่วนหนึ่งของการโกง เพราะสิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น หากแต่ไม่มีใครสนอกสนใจ เป็นเดือดเป็นร้อน สุดท้ายแล้วพาลกลายเป็นเห็นดีเห็นงามไปกันหมด

ตัวอย่างเช่น กรณีการโกงเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและคนไร้ที่พึ่งของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นั่นประไร ชาวบ้านยากจนก็น่าสงสารอยู่แล้ว ยังต้องมาเผชิญกับความเห็นแก่ตัวของเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ดูแลเอาใจใส่ ช่วยเหลือเขา กลับซ้ำเติมให้เลวร้ายลงไปอีก พิจารณาเรื่องนี้เถิดว่า นักศึกษาฝึกงานที่ตกเป็นข่าวคงงงว่าข้าราชการที่มีหน้าที่ดูแลคนพิการ กลับสั่งให้ปลอมลายเซ็นคนจนคนพิการเพื่อเอาเงินไปผลาญ ซึ่งถ้าแม้แต่นักศึกษาฝึกงานยังรู้ ย่อมมิใช่เรื่องที่กระทำกันอย่างปิดบังแน่ แล้วก่อนหน้านี้เล่า ข้าราชการคนอื่นทั้งหลาย ทำไมไม่มีใครสงสัยหรือทักท้วงใดๆ เลย ปล่อยให้เกิดขึ้นมาไม่รู้นานเท่าไรแล้ว เรื่องจึงค่อยมาแดงเอาป่านนี้

น่าเชื่อว่าเรื่องราวเหล่านี้อาจเกิดขึ้นวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหน่วยงานต่างๆ อีกมากมาย โดยที่ผู้คนพากันไม่รู้ หรือรู้แต่นิ่งเฉย หรือแม้แต่การสมรู้ร่วมคิดกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง รอคอยแต่ผู้กล้าหาญเท่านั้นที่จะชี้ชวนว่า

การกระทำนั้นผิด พวกเราจงหยุดเถิด !!!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *