คอลัมนิสต์จำลอง ฝั่งชลจิตร

โกงโดยสันดาน

‘โกง’

ผู้จัดทำหนังสือฉบับนี้ มอบหน้ากระดาษให้ถ่ายทอดเรื่องโกง ซึ่งมันก็ยากอยู่เหมือนกัน ด้วยไม่เคยลงทุนประกอบกิจการใหญ่ จึงไม่มีประสบการณ์โกงหรือถูกโกงจนกระอักเลือด

ทั้งไม่เคยรับราชการตำแหน่งสำคัญๆ อย่างผู้เซ็นอนุญาตเบิกพัสดุ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือองค์การบริหารส่วนตำบล จึงไม่มีโอกาสโกงหรืองอแงอิดออดถ่วงเวลาว่ายังไม่ว่างเซ็น เลยไม่เคยรู้ว่าเงินทอนรสชาติหอมหวานประมาณไหน

ผมไม่เคยรู้ว่า ท่อประปาขนาดยักษ์โครงการของจังหวัดที่ขุดวางโยงใยไปตามใต้ถนนสายหลักใต้ในเขตเทศบาลซึ่งต้องรื้อผิวจราจรใหม่ ผู้รับผิดชอบโครงการต้องจ่ายแก่ใครเป็นค่ารื้อถนน และเหลืองบประมาณหลวงเข้ากระเป๋าคนใหญ่คนโตเท่าไร ก็อย่างท่านอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวไว้ในปาฐกถาว่า เดี๋ยวนี้การโกงหรือคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐบูรณาการจนเป็น ‘know how’ หรือองค์ความรู้พิเศษอย่างยากต่อการเอาผิดหรือองค์กรตรวจสอบโกงก็ไม่สามารถเอาผิด มันลื่นไหลหลุดมือกระบวนการยุติธรรมไปได้เห็นๆ หรือมือของกระบวนการยุติธรรมก็ลื่นอยู่บ้าง

เรื่องนี้ผมไม่มีหลักฐานประกอบ ได้แต่ร้องเพลง… ‘เงิน เงิน เงิน’ ของคณะสามศักดิ์ โก่งคอร้องไปพลาง ปลงไปพลาง…มีเท่าไรตายก็เอาไปไม่ได้ โดยไม่ต้องคิดถึงตอนมีชีวิตอยู่ว่าแร้นแค้นขนาดไหน รวยจนเหลื่อมล้ำแค่ไหน

ผมพอมีประสบการณ์เรื่องโกงแบบบ้านๆ แบบชาวบ้านๆ เพราะเข้าไม่ถึงโกงถนนโกงงบประมาณแบบบูรณาการโกงแบบบ้านๆ หรือโกงในชีวิตประจำวัน โกงโดยชาวบ้านธรรมดาหาเช้ากินค่ำ เช่นวันหนึ่งนั่งรถตู้จากจังหวัดใกล้เคียงกลับบ้านตัวเอง ทันทีที่รถตู้โดยสารจอด มอเตอร์ไซค์รับจ้างสวมเสื้อกั๊กคิวข้างถนนมาเปิดประตู ชี้นิ้วถามว่าจะไปไหน ผมบอกจุดหมายปลายทาง

เขาถาม “พี่เคยไปเท่าไหร่ ?”
นี่คือท่าทีของคนคิดจะโกง หรือหาโอกาสโกง
เขาถามและรอดูท่าที ถ้าผู้โดยสารแปลกหน้าหรือมาจากที่อื่นอาจบอกตัวเลขที่เขาพึงพอใจ เช่น 50 บาท หรือมากกว่านั้น แล้วเขาจะไปทันที

เพราะค่าโดยสารปกติ 30 บาท

กรณีเช่นนี้ผมจะเหลียวมองมอเตอร์ไซค์คันอื่นแล้วถามกลับ
“ปกติจากนี่ไปบ้านผมคุณเก็บเท่าไหร่ ?”
นั่นอาจทำให้เขาลดลงมาสัก 10 บาท ซึ่งผมที่มีเป้ใบเดียวก็ยังจะไม่ไปกับเขา
มอเตอร์ไซค์รับจ้างบางคนเลือกวัดใจ
“แล้วแต่พี่จะให้”

ผมก็จะตอบว่า ผมให้ไม่ถูกหรอก ถ้าจ่ายมากผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเวลาเพื่อนพ้องมารู้ภายหลัง จ่ายน้อยก็ลำบากคุณเปล่าๆ ขอไม่เอาเปรียบคุณดีกว่า มองไปตามถนนเห็นสองแถวประจำทางวิ่งมาผมรีบโบกมือ ถึงที่หมายจ่าย 10 บาท คล้อยหลังพวกเขาคงติวเข้มและหัวเราะหยามหมิ่นกันเอง

ขอเตือนครับ… อย่าไปทำแบบนี้ในบ้านอื่นเมืองอื่น เดี๋ยวเจ้าถิ่นเขาจะรุมกระทืบเอา ผมกล้าทำแบบนั้นเพราะอยู่บ้านเองและอยากสอนคนขี้โกง คนฉวยโอกาสแบบนี้

นี่ขนาดริมถนนหลวงเขายังเล่นกันขนาดนี้ นับประสาอะไรกับสถานีขนส่งข้ามจังหวัด ซึ่งทุกๆ ที่มีความแปลกถิ่น แปลกหน้า แปลกวัฒนธรรมจนกลายเป็นพื้นที่ที่น่ากลัว ถ้าเราดูภาพยนตร์แนวอาชญกรรมมามากพอ เราจะรู้ว่าการโกงหรืออาชญากรรมขนาดใหญ่มักเริ่มต้นที่สถานีขนส่ง ไม่ว่าสนามบิน รสบัส รถทัวร์ รถประจำทางหรือรถรับจ้างทั่วไป เรื่องโกงเริ่มตั้งแต่ค่าโดยสารไปจนถึงการทิ้งหรือไล่ผู้โดยสารลงกลางทาง ปล้นจี้หรือข่มขืน เลยเถิดจากโกง
เล็กโกงน้อยเป็นโกงขนาดใหญ่

กลับมาสู่โกงเล็กโกงน้อยหรือโกงนิดโกงหน่อยโดยสันดานตามที่เกริ่นไว้ดีกว่า เราเป็นชายและเป็นพ่อบ้านนานๆ จะซื้อของครั้ง ค่าที่เราเป็นชายเรามักจะถูกแม่ค้าข้างถนนหรือในตลาดโกงเอาง่ายๆ นานๆ ผู้ชายอย่างเราจะโผล่ไปตลาดหรือซื้อของสักครั้ง ฤดูเงาะ มังคุดหรือทุเรียนเขาโกงกันง่ายๆ เราไม่ต้องพูดถึงโกงตาชั่งที่ด้านลูกค้าหักเข็มทิ้ง เข็มชี้บอกน้ำหนักอยู่ฝ่ายแม่ค้า นั่นมันรู้กันดีอยู่แล้ว พาณิชย์จังหวัดแมวที่ไหนก็ไม่เคยควบคุมได้ เหมือน ผอ.กองสลากกินแบ่งบอกว่าไม่พบเขาขายเกินราคานั่นแหละ

ผมโดนแม่ค้าเงาะโกงซึ่งๆ หน้า เราจะเห็นว่าเวลาแม่ค้าจัดกองเงาะเป็นกำแพงสูงไว้ข้างหน้า หล่อนหรือเธอจะเลือกผลสวยๆ วางไว้แถวหน้าและจัดสูงขึ้นไปดูเป็นกองเงาะโรงเรียนหรือเจ๊ะหมงที่น่ากิน ใช้ฟ็อกกี้ฉีดน้ำให้ดูสดใหม่ พอตัดสินใจซื้อหล่อนหรือเธอก็จะกำเงาะหลังกำแพงขึ้นตาชั่ง แม่ค้าจะกำเงาะใกล้เน่า หรือเหี่ยวเฉาตั้งแต่เมื่อวานชั่งให้เรา เราจ่ายเงินตามราคาปิดไว้

และกลับมาเจ็บใจที่บ้าน

เพื่อนรุ่นน้องผมชอบกินลูกเนียงกับแกงคั่วกะทิ ถ้าได้คั่วกลิ้งเนื้อวัวถือว่าอร่อยสูงสุด วันนั้นออกไปตลาดชาวบ้านด้วยเอง ตั้งใจซื้อลูกเนียงมากินเป็นผักเหนาะให้อร่อยสักมื้อ เขาพบลูกเนียงใส่จานแบกะดินสามสี่จาน นั่งยองๆ ลูบคลำดูผิวดูเปลือก ชั่งน้ำหนักกับฝ่ามือแล้วมั่นใจว่าต้องได้ลูกเนียงอ่อนขนาดพอเคี้ยงกรุบกรับ เขาบอกแม่ค้าชาวบ้านอายุราวๆ 50-60 ว่าอยากได้ชามนี้ช่วยเทใส่ถุงให้ด้วย จ่ายเงิน 40 บาท เป็นลูกเนียงนอกฤดูกาล เขายิ้ม มื้อนี้ดอกอร่อยเหาะ แล้วบอกว่าขอไปซื้อผักอื่นก่อนเดี๋ยวกลับมารับรุ่นน้องไปซื้อผักหญ้า ของกินอื่นๆ รวมทั้งขนมมากินลบเผ็ดลบคาว

สิบนาทีกลับมารับลูกเนียงแม่ค้าใส่ถุงกรอบแกรบไว้เรียบร้อย เขาไม่ได้สังเกตหรือสงสัยอะไร แม่ค้าน่าซื้อๆ หน้าตาบ้านๆ จะไปคิดอะไรให้มากความ กล่าวขอบคุณแล้วรับของกลับบ้าน มื้อค่ำวันนั้นกินข้าวไม่อร่อย ทั้งๆ ที่แกงคั่วปลาดุกนาหอมกรุ่น ข้าวสวยร้อนๆกลิ่นหอมนวล ตักข้าวใส่ปากคำแรกฉวยลูกเนียงมาปอกเปลือก ได้ลูกเนียงขนาดหัวแม่มือผิวขาวอมเหลือง ยัดใส่ปากทั้งลูกเคี้ยวทันที เขาเผลอด่าออกมา ลูกเนียงอ่อนเนื้อนุ่มขนาดพอขบเคี้ยวกลายเป็นน้ำเนื้อยุ่ยเหมือนวุ้น ผมถามว่าแน่ใจหรือว่าตอนเลือกลูกเนียงเข้าเนื้อแล้ว เขาตอบว่าแน่ใจเพราะลูกโตและแข็งเต่ง กำก็รู้ว่าเนื้อเริ่มแข็ง

“แม่ค้าเปลี่ยนเอาอีกจานให้ผม” เขาว่า “โกงกันชัดๆ”

โกงแบบนี้แหละคือโกงแบบบ้านๆ ได้แต่บ่น แต่จะเอาเรื่องเอาราวมากกว่านั้นก็ไม่ได้ ไปถามแม่ค้าหล่อนหรือเธอมีข้อแก้ตัวสารพัด หรือไม่ก็ปฏิเสธตรงว่า “ฉันไม่ได้เปลี่ยน” ซื้อของชาวบ้าน 30-40 ใครอยากทำให้เรื่องมันลุกลามใหญ่โต โกงโดยสันดานแบบนี้จึงไม่เคยหมดสิ้น

เมื่อไม่นานมานี้ผมเจอกับตัวเอง ภรรยาไปเยี่ยมแม่ต่างจังหวัดหลายวัน ผมต้องไปตลาดหาซื้อข้าวปลาให้ตัวเอง และปลาโอย่างของแมว วันนั้นเดินผ่านร้านขายน้ำเต้าหู้ พ่อค้าอายุราวๆ 40 พูดจากับลูกค้าไพเราะ ว่าเขาเพิ่งไปทำบุญที่วัดนั้นวัดนี้ ลูกค้าเป็นหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับผมซื้อน้ำเต้าหู้ใส่ถุงกรอบแกรบกลับไป เช้าวันนั้นผมอยากกินน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ตัวเล็กๆ ขึ้นมา ผมขอซื้อน้ำเต้าหู้หนึ่งถุง พ่อค้าสวมเสื้อคอกลมขาวมองหน้าผมแว็บหนึ่ง

“สิบบาทครับ”
ผมจ่ายเงินแล้วรับของจากมือเขา กลับบ้านพบว่าเป็นน้ำเต้าหู้ไม่อร่อยที่สุดที่เคยกินในรอบ 2-3 ปี จืดเป็นน้ำล้างเปลือกถั่วเหลืองและไร้กลิ่นรส ภรรยากลับมาบ้านเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เธอถามทำเลร้าน ผมตอบ เธอถามลักษณะพ่อค้า ผมตอบ เธอว่า “ปกติซื้อห้าถุงยี่สิบบาท พี่ซื้อมาได้ยังไง”

ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ประสบเรื่องโกงยิบย่อย โก่งนิดโก่งหน่อยแบบนี้ ผู้ชายอย่างเราเจอทุกที่ทุกแห่ง…

ผมถึงบอกว่าโกงโดยสันดาน.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *