รัฐมนตรีใหม่ : กาสร วงศ์ชมพู
สองอาทิตย์ที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ บรรยากาศในกระทรวงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่เว้นแม้แต่ รปภ.ประจำอาคาร รถมอเตอร์ไซค์ที่เคยจอดคอยรับ-ส่งหน้าประตู ถูกไล่ให้ไปอยู่ไกลๆ เขาให้เหตุผลว่า
“ท่านรัฐมนตรีคนใหม่กำลังจะมา”
ทุกคนดูตื่นเต้น ป้ายต้อนรับขนาดใหญ่ตั้งเด่นหราทันทีที่เดินเข้ากระทรวง มีรูปท่านรัฐมนตรีพร้อมชื่อ-นามสกุล และประวัติยาวเหยียด ในลิฟต์โดยสารทุกตัวมีป้ายหน้าตาเหมือนด้านในอาคารเป๊ะ แต่ย่อส่วนลงมา ไม่เว้นแม้แต่ในลิฟต์ลงลานจอดรถ ข้าราชการหันไปทางไหนก็เจอป้ายนี้
คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่รู้จักท่านรัฐมนตรีอีกต่อไป
วันแรก ไลน์กรมดังแต่เช้า ส่งข่าวว่าให้เตรียมตัวต้อนรับการเดินตรวจเยี่ยมทุกชั้น เสียงเตือนให้เก็บของรกๆ บนโต๊ะดังเป็นระยะ
“ตอนนี้ ท่านเริ่มเดินตรวจเยี่ยมแล้ว”
“ตอนนี้ ท่านถึงชั้นสองแล้ว”
คนชั้นสามอย่างพวกเราพากันชะเง้อ น้องลูกจ้างคนหนึ่งเดินมาถามว่า ขอเข้าห้องน้ำได้มั้ย ฉันอมยิ้มพยักหน้า พักใหญ่ๆ จึงมีสัญญาณบางอย่าง ท่านรัฐมนตรีคนใหม่เดินมาถึง ตามด้วยท่านปลัดกระทรวง ท่านผู้ช่วยรัฐมนตรี และท่านอธิบดี ท่านอธิบดีทำสัญญาณมือทำนองให้ลุกขึ้น ทุกคนลุกขึ้นยกมือไหว้ และยืนนิ่ง อธิบดีกล่าวแนะนำหน้าที่ของกอง อธิบายการแบ่งงาน และการดำเนินงานที่ผ่านมา ท่านพยักหน้า ดูให้ความสนอกสนใจ พร้อมซักถาม รอยยิ้มทำให้ทุกคนไม่เกร็งจนเกินไป มีการตอบคำถามเป็นระยะ ใช้เวลาราวห้านาที จึงพากันเดินไปที่จุดอื่น
ตกบ่าย ผู้อำนวยการทุกกองถูกเรียกประชุมด่วน เพื่อทบทวนนโยบายที่ได้รับการสั่งการมา แผนงาน โครงการของปีงบประมาณใหม่ ท่านขอให้ทบทวนว่าสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งสั่งการให้ฝ่ายแผนงานจัดการทำเอกสารความเชื่อมโยงนโยบายด้านต่างๆ ของรัฐบาลกับแผนงานปีหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการแถลงนโยบายของรัฐบาล
เจ้าหน้าที่แผนเรียกประชุมทุกคนที่มีโครงการแผนงานโครงการในปีหน้า เพื่อให้ข้อมูลว่า สิ่งที่ทำคำของบไปแล้ว เชื่อมโยงกับนโยบายข้อไหน นี่คือการทำแผนแบบย้อนกลับ
สิ่งนี้คืออะไร ?
คือการเขียนสิ่งที่ของบประมาณไปแล้วให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ให้ได้ แล้วแสร้งว่านี่คือแผนงานที่ทุกคนพากันระดมสมองเพื่อตั้งเป้าหมายในอนาคต ช่างย้อนแย้ง ลูบหน้าปะจมูก แต่ทว่า ไม่มีทางเลือก !
การดำเนินงานตามภารกิจของกระทรวงเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย ข้าราชการมีหน้าที่ต้องทำงานเพื่อรับใช้ประชาชน ผ่าน ส.ส. ที่ชนะการเลือกตั้ง ได้รับเก้าอี้รัฐมนตรี การเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยๆ จึงส่งผลทำให้นโยบายเปลี่ยน การทำงานของข้าราชการหยุดชะงัก ไม่ต่อเนื่อง แต่หลายต่อหลายครั้ง ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติได้สำเร็จ
รัฐบาลใหม่มาพร้อมกับนโยบายที่ใช้หาเสียง บางครั้งขัดแย้งกับนโยบายชุดที่ผ่านมา สุดท้ายแล้ว กรรมตกอยู่ที่ประชาชนตาดำๆ ต้องพลอยฟ้าพลอยฝน ได้รับผลกระทบจากการทำงานของข้าราชการตามนโยบายที่เปลี่ยนแปลงไป ยิ่งเปลี่ยนบ่อย ยิ่งทำงานได้ผลยาก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาที่ต้องอาศัยความต่อเนื่องจริงจัง เสถียรภาพของรัฐบาลจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ในการพิสูจน์ผลงาน มีเวลาในการดำเนินงานตามนโยบายที่หาเสียงไว้
แต่ที่ผ่านมา ดูเหมือนประเทศไทยจะยังคงวนเวียนอยู่ในวังวนเดิมๆ
…ไม่เปลี่ยนแปลง