“จารุวัฒน์ บุญเพิ่ม” นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ กฏแห่งกรรม แบบฉบับแก้โกงฝ่ายบริหาร
เรื่องโกงมักถูกหยิบมาสวมใส่ให้การปกครองส่วนท้องถิ่นเสมอ ซึ่งหลายฝ่ายก็เห็นไปในทางนั้น แต่มีการปกครองส่วนท้องถิ่นหลายองค์กรเช่นกัน ที่ลุกขึ้นมาบอกว่า
“อย่าเหมารวมสิ”
อย่างเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ นอกจากขอร้องว่าอย่าเหมารวมแล้ว ยังทำให้เห็นเป็นต้นแบบอีกด้วย ซึ่งทาง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ก็เห็นดีมอบรางวัล “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้นแบบการป้องกันการทุจริต งบประมาณ พ.ศ. 2560 – 2562”
ส่วนทางสถาบันพระปกเกล้า ก็มอบ “รางวัลพระปกเกล้าทองคำ” ให้ติดต่อกันถึง 4 ปีซ้อน
เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์มีวิธีต่อต้านการคอรัปชั่นอย่างไร ในฉบับนี้เรามาร่วมพูดคุยกับนายกเทศมนตรีมือสะอาดที่ชื่อ จารุวัฒน์ บุญเพิ่ม กัน
ล่าสุดปี 2561 เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ได้รับรางวัลพระปกเกล้าทองคำ ซึ่งเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน เรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นอย่างไร
ผมเริ่มเป็นนายกเทศมนตรีเมื่อ พ.ศ. 2545 สมัยนั้นยังเป็นการเลือกตั้งแบบคณะเทศมนตรี จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี เพราะเห็นว่าตั้งใจพัฒนาบ้านเมือง และเป็นคนกาฬสินธุ์โดยกำเนิด จึงเห็นหมดว่าอะไรที่มันไม่ดี อะไรที่อยากจะทำ อะไรที่ชาวบ้านคุยกันแล้วพบว่าจะต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลง เราก็รู้กันดี จึงได้รับเลือกเข้ามา ทีนี้พอเป็นนายกฯ กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น (ก่อนจะเป็นกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ได้นำนายกฯ ใหม่ไปเรียนหลักสูตรนายกฯ ผมจึงได้เรียนหลักสูตรธรรมาภิบาล หรือ good governance ซึ่งประกอบด้วย 1. หลักนิติธรรม 2. หลักคุณธรรม 3. หลักความโปร่งใส 4. หลักความมีส่วนร่วม 5. หลักความรับผิดชอบ 6. หลักความคุ้มค่า
พอผ่านหลักสูตรธรรมาภิบาลแล้วเป็นอย่างไรครับ
พอได้เรียน ได้ฟังคำบรรยาย มันใช่เลย ! นี่แหละคือสิ่งที่เราอยากจะแสดงให้คนอื่นเห็น ซึ่งตอนนั้นมีข่าวว่าท้องถิ่นโกง ท้องถิ่นชอบทุจริต เหมาหมดทุกท้องถิ่น มันฝังใจผมมาก จะทำอย่างไรให้คนอื่นเห็นว่าเราไม่ใช่ประเภทที่พวกคุณจะมาว่าเราโกง จะกล่าวหาว่าเราทุจริตไม่ได้ จึงตั้งใจทำงานโดยเน้นธรรมาภิบาล ยึดหลักนิติธรรม และหลักคุณธรรม

ก็ยากอยู่ที่จะทำให้คนไม่คิดว่าองค์กรท้องถิ่นโกง
ใช่ครับ ผมจึงเริ่มที่ผลประโยชน์ก่อน อันไหนที่เกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ผมบอกพนักงาน บอกทีมงานเลยว่า ยุบ ! เราต้องไม่มีการเรียกสินบน เงินใต้โต๊ะ การจัดซื้อจัดจ้างต้องโปร่งใส ผมส่งประกาศจัดซื้อจัดจ้างให้ตั้งแต่ผู้รับเหมา หอการค้า และประชาชนภาคส่วนต่างๆ แล้วก็นำหลักการเรื่องการมีส่วนร่วมมาใช้ โดยเชิญประชาชนมาเป็นกรรมการตรวจสอบ ตั้งอาสาสมัครชุมชน ตรวจสอบการทำงานของเทศบาล เช่น งานก่อสร้างบอกขุดถนน 50 เซ็นติเมตร อาสาสมัครไปดู หากตรวจแล้วไม่ถึง 50 เซ็นติ -เมตรจริง สามารถแจ้งเข้ามาได้เลย แล้วเรื่องป้ายที่บอกว่า ขออภัยในความไม่สะดวก กำลังก่อสร้างนั่นนี่ ใช้เวลาเท่าไหร่ งบประมาณเท่าไหร่ เราก็นำไปติดตั้งแจ้งให้ทราบก่อนจะมีระเบียบเทศบาลให้ทำซะอีก
หลังจากทำแบบนี้ก็ได้รับรางวัลเป็นกำลังใจใช่ไหมครับ
ใช่ครับ ปี 2546 มีการประกวดรางวัลธรรมาภิบาล “รางวัลบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี” ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปรากฏว่าเราได้รางวัลชมเชย ถือว่าเป็นขวัญและกำลังใจที่ดีเลย ต่อมาปี 2547 มีระเบียบใหม่ ให้นายกเทศมนตรีมาจากการเลือกตั้งโดยตรง ผมจึงต้องลงสมัครใหม่ แต่ก็ได้รับความไว้วางใจให้กลับมาบริหารเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ต่อ โดยใช้หลักธรรมาภิบาลเหมือนเดิม และส่งประกวดรางวัลธรรมาภิบาลทุกปี มีปี 2549 ปีเดียวที่ไม่ได้รับรางวัล
ยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างนี้ ชาวบ้านคงรักน่าดู
ปี 2551 หมดวาระที่ 2 ผมแพ้เลือกตั้งนะครับ ผมก็น้อยใจนะ ในใจคิด เราทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สุดท้ายได้แค่นี้เหรอ แต่ก็คิดว่าบ้านเมืองไม่ใช่ของเราคนเดียว คนใหม่อาจจบริหารดีกว่าก็ได้ ผมก็ไปทำงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ไปทำงานกับหอการค้า
แล้วกลับมานั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรีอีกได้อย่างไรครับ
ปี 2554 นายกเทศมนตรีคนก่อนถูกปลด มีการเลือกตั้งใหม่ ผมจึงลงสมัครรับเลือกตั้งอีก ทีนี้ได้รับเลือกกลับเข้า
มา ในปีเดียวกันปรากฏว่าเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ได้รับรางวัล good governance จาก ปปช. นายกฯ จะได้ไปดูงานที่ประเทศไต้หวัน ผมเองก็ละอายใจ เขาส่งประกวดกันก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง ถ้ารับก็เท่ากับเอาหน้าจากงานของคนก่อน จึงบอกให้ลูกน้องนำรายละเอียดโครงการมาดู แหม เป็นโครงการที่ผมทำไว้ 100% เห็นอย่างนั้น โอเค ผมไปไต้หวัน ส่วนรางวัลให้ประธานสภาเป็นคนไปรับ เพราะเขาเป็นคนส่ง
ได้อะไรกลับมาจากไต้หวันบ้างครับ
ไปดูงานที่ มูลนิธิฉือจี้ ได้พรหมวิหาร 4 กลับมา คือ เมตตา เราต้องช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก กรุณา ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข มุทิตา พลอยยินดีที่เขาประสบความสำเร็จ อุเบกขา คืออย่าเพิ่งไปซ้ำเติมเขา ให้ดูอะไรชัดเจนก่อน เป็นการวางเฉย เมื่อเขาประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว แต่ไม่ใช่ไม่สนใจ เพียงแค่เฉยเพื่อทบทวนใคร่ครวญก่อน

ก็ต้องใช้หลักธรรมะด้วยนะครับ
พรหมวิหาร 4 คือหลักการปกครองอยู่แล้วครับ
ท่านใช้หลักกฎแห่งกรรมในการปกครองพนักงานด้วย
ใช่ อีกอย่างคือผมใช้หลักกฏแห่งกรรมนี่แหละ สำหรับการบริหารทีมงาน เพราะการป้องกันการทุจริตต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อน ผมบอกเสมอว่าการทุจริต ถ้าหากรู้กันเยอะๆ แน่นอนคนทั่วไปอาจจะไม่กล้าทำ แต่ถ้ารู้กันแค่ 2 – 3 คน ก็อาจจะทำ ฉะนั้นคุณต้องมีความละอายแก่ใจ รู้ถูกรู้ผิด แล้วก็ต้องเกรงกลัวต่อบาป
เรามีประชุมทุกวันอังคาร ก่อนที่จะเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ผมจะอบรมพนักงานเสมอว่า ต้องนับถือกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ผลกรรมดีผลกรรมชั่วจะตอบแทนคุณเมื่อละโลกนี้ไปแล้ว เพราะฉะนั้นหากคุณทำ แต่ความดี แน่นอนตายแล้วคุณไม่ต้องกลัวอะไร เช่นเดียวกันกับการทำงาน ถ้าเราทำถูก ทำสุจริตตั้งแต่ต้น วันนี้จะมีใครมาตรวจสอบ เราก็ไม่กลัว
เป็นองค์กรท้องถิ่นที่ไม่กลัวการถูกตรวจสอบ
ไม่เลย สบายมาก เชิญมาตรวจสอบ เพราะเราทำถูกหมด ผมมีสโลแกนการทำงานของเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ว่า “ถือศีล 5 รู้หน้าที่ รักสามัคคี หลีกหนีอบาย กายใจสงบ”
อยากให้ยกตัวอย่างมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการป้องกันปัญหาการคอรัปชั่นขององค์กรท้องถิ่น
ผมมีตู้ ปณ. 100 เปิดไว้รับเรื่องร้องเรียนการทุจริตของเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ใครมีเรื่องร้องเรียน สามารถแจ้งเข้ามาได้เลย เมื่อพิสูจน์ทราบ และสิ้นสุดกระบวนการทาง กฏหมาย ก็รับเงินรางวัลไป 100,000 บาท เงินรางวัลนำจับก็มาจากเงินรางวัลที่ผมส่งประกวดรางวัลธรรมาภิบาลนี่แหละครับ

ที่ผ่านมาได้แจกรางวัลบ้างไหมครับ
(หัวเราะ) ยังเลย มีแต่เรื่องร้องเรียนปัญหายาเสพติด ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับการทุจริตในเทศบาลเมือง เราก็ส่งต่อให้ผู้เกี่ยวข้องไปดูแล
ทราบว่าเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ไม่มีโบนัสให้พนักงาน
มีระเบียบให้ท้องถิ่นจ่ายโบนัสแก่พนักงานได้ ซึ่งเทศบาลหลายๆ ที่อย่าง อบต. เขาทำกัน โดยให้พนักงานทำผลงานมาเสนอ เมื่อตรวจแล้วผ่านเกณฑ์ก็รับเงินโบนัสไป แต่เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ของเรา ผมมาคิดดู ถ้าตั้งโบนัส ผมต้องจ่ายให้ทุกคน ผมเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้ ได้ก็ต้องได้หมด 5% หรือ 10% ของเงินเดือน ทุกคนต้องได้หมด แล้วพนักงานของเราในปัจจุบันมีอยู่ 600 คน แค่คนละ 1,000 บาท เป็นเงินเท่าไหร่แล้ว เราจึงงดโบนัส โดยให้พนักงานมองว่า
- คุณมาทำงานที่นี่ไม่ได้เสียเงินเข้ามาทำงาน
- ถ้าคุณอยากจะได้โบนัส คุณก็ไปอยู่ที่อื่น ไปอยู่ที่ๆ เขาตั้งโบนัสให้
- ที่นี่มีความสะดวกสบายในการทำงานอยู่แล้ว จึงถือเป็นโบนัสที่คุณได้รับทุกวัน
- ถ้าผมจะตั้งโบนัส ต้องใช้เงินเยอะ ทุกวันนี้บ้านเมืองยังมีเงินไม่เพียงพอต่อการพัฒนาเลย มีพันล้านก็หมดพันล้าน ขอมาพัฒนาเมืองก่อน
มั่นใจแค่ไหนว่าพนักงานของเทศบาลกาฬสินธุ์ จะไม่รับเงินใต้โต๊ะ
ผมบอกพวกเราทุกคนว่าความลับไม่มีในโลก สิ่งที่ทำให้ท้องถิ่นเสียหายมาก นั่นคือการรับเงินสมัครงาน เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ถ้าผมไปเอาเงินเขา โอเค ตอนได้ประโยชน์เขาอาจจะไม่พูด ซึ่งอาจจะไม่พูดในปีนี้ หรือสองปีสามปีข้างหน้า แต่ถ้าสิบปีล่ะพูดไหม ? แล้วสิบห้าปีล่ะพูดไหม ? ระยะเวลาแค่นี้ผมยังอยู่ไหม มันก็เสียอยู่ดี ล่าสุดเราเปิดรับสมัครพนักงานทางเว็บไซต์ มีคนมาคอมเม้นต์ว่าอย่าไปสมัครเลยเสียเวลา เขามีตัวของเขาอยู่แล้ว ทีนี้ก็มีคนเข้าไปแย้งทันทีว่าที่นี่ไม่มีการรับเงิน ทุกคนเข้ามาด้วยความสามารถ ลองคิดดู ถ้าเราไม่สุจริตจริงจะกล้าไปแย้งอย่างนั้นเหรอ อีกอย่างต้องมีคนพูด ถ้าหากเรารับเงินจริง เพราะอย่างที่บอก ความลับไม่มีในโลก ปัจจุบันเป็นปากต่อปากเลยว่า มาที่นี่ไม่เสียเงิน มาอยู่ทำงานที่นี่ คุณต้องมาได้ด้วย
- ต้องเก่งกว่าเขา เพราะตอนรับสมัครพนักงานเราเปิดสอบแข่งขัน
- คุณต้องมาทำงาน มีบางคนเข้ามาง่าย เพราะเราไม่ได้มีใต้โต๊ะ
แต่พอมาเจองาน เขาสู้ไม่ได้
ช่องทางอื่นก็มีให้โกงมากมาย อย่างเช่นการซื้อของ
มีข้อสงสัยอย่างนี้เหมือนกัน โอเค เรื่องจัดซื้อจัดจ้างเราอาจจะโปร่งใส แต่เวลาไปซื้อของล่ะ ต้องได้เปอร์เซ็นต์จากร้านค้าบ้าง ผมก็บอกเลยว่า เราต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้รับเปอร์เซ็นต์ วิธีคือไปซื้อที่บิ๊กซี ซื้อที่โลตัส โกลบอลเฮ้าส์ พวกนี้มีเปอร์เซ็นต์ให้ไหม ? ชัดเจนเลยว่าไม่มี
ถือเป็นแนวทางตรงไปตรงมามากครับ สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงองค์กรท้องถิ่นหน่วยงานอื่นๆ ที่อาจจะไม่ค่อยโปร่งใส
ให้ใช้คำว่าความลับไม่มีในโลก แล้วก็ทำวันนี้ให้ถูกต้อง แล้วคุณจะไม่ต้องไปกลัวอะไรในอนาคต ผมมีหลักแค่นี้ เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม เมื่อเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมแล้วความไม่สบายกายความไม่สบายใจก็จะไม่มี ทำผิดก็เหมือนวัวสันหลังหวะ คุณทำอะไรไว้ต้องคอยระวัง ไม่รู้เขาจะมาเปิดแผลคุณเจอเมื่อไหร่
เราทำวันนี้ให้ถูกต้อง มันก็จะถูกต้องตลอดไป…