ธรรมะพระมหาสกล ฐานวุฑโฒ

เครื่องแบบของคนดี

อยู่เพื่อตนเอง อยู่แค่สิ้นลม
อยู่เพื่อสังคม อยู่ชั่วนิจนิรันดร์

เพราะว่า คนที่เป็นคนดีควรที่จะถูกบันทึกไว้เป็นแบบอย่าง ส่วนผู้ที่เป็นคนชั่วควรบันทึกไว้ไม่ให้เอาแบบอย่าง ใกล้จะเลือกตั้งแล้ว แฟนพันธ์แท้ที่ติดตามอ่าน นิตยสารโกง คงได้ยินรับทราบนโยบายการหาเสียง ตลอดจนการขันอาสาแก้ปัญหาต่างๆ เห็นนโยบายแล้วแทบจะเทคะแนนให้ (แต่ไม่รู้ว่าทำได้จริงหรือเปล่า)

หากมีคำถามขึ้นมาว่า เราควรคิดพิจารณาไตร่ตรองอย่างไรดี อยากจะแนะนำว่า ควรที่จะตรึกตรองถึงผู้สมัครเป็นผู้แทนเหล่านั้นว่า มีความคิดกว้าง มองไกล ใฝ่สูง หรือคำพูดการกระทำเช่นนี้ไหม เพราะว่าที่ผ่านมา ผู้นำ ผู้แทนต่างๆ ที่เข้าไปมักจะสร้างความเสียหายด้วยการทำผิดกฎหมายต่อประเทศ สั่นสะเทือนไปถึงเศรษฐกิจ และการพัฒนาประเทศ และที่สำคัญการคอรัปชั่น คือการทำลายระบบการเมืองของประเทศ ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ใช่เฉพาะเงินตราที่ถูกยักยอกเอาไปเท่านั้น แต่เงินที่ถูกยักยอกนำไปนั้น บางครั้งรู้สึกว่าเงินเหล่านี้ได้ถูกนำกลับมาใช้ในการสร้างอำนาจให้กับวงตระกูลว่านเครือ ให้กับนักการเมืองในเครือข่ายของตนเอง หรือการสร้างบารมีในสังคม สิ่งเหล่านี้เสมือนกับว่า เงินนั้นสามารถสร้างแรงจูงใจให้คน เข้าไปแสวงหาตำแหน่งทางการเมือง

ช่วยกันทำให้คำว่า “เงินนั้นตกใส่หญ้า หญ้าก็ตาย ตกใส่ทราย ทรายก็แตก ตกใส่หิน หินก็แยก ตกใส่เหล็ก เหล็กก็งอ” นั้นหายไป ด้วยการใช้สิทธิ์เลือกคนดีเข้าสภา แล้วคนดีนั้นหน้าตาท่าทางเป็นอย่างไร มีอะไรเป็นเครื่องหมาย เครื่องแบบเพราะว่าตำรวจก็มีเครื่องหมายให้รู้ว่าเป็นตำรวจ ทหารก็มีเครื่องแบบให้รู้ว่าเป็นทหาร ครูก็มีเครื่องแบบให้รู้ว่าเป็นครู

แล้วคนดีมีอะไรเป็นเครื่องแบบ ?

คนดีทางพระพุทธศาสนานั้น มีความกตัญญูกตเวที คือ รู้อุปการะที่คนอื่นทำแล้วทำตอบแทน ในที่นี้นักการเมืองหรือว่าผู้แทนควรที่จะตอบแทนแผ่นดินที่ตนอาศัยอยู่ เงินเดือนที่ได้จากภาษีประชาชน นักการเมืองควรที่จะตระหนักและจดจำไว้เป็นธรรมประจำจิต เป็นมิตรประจำใจ นั่นก็คือ หิริ ความละอายต่อบาปไม่ทำบาปทั้งในที่ลับและที่แจ้ง โอตตัปปะ ความเกรงกลัว ต่อผลของบาปที่ตนกระทำ อย่าคิดว่าทุจริตแล้ว ไม่มีใครจับได้ไล่ทัน ไม่ต้องรับผลของบาปกรรม กรรมชั่วยังไม่ให้ผล บุคคลที่ทำทุจริตย่อมไม่เกรงกลัว ลำพององอาจ แต่ว่าเมื่อใดบาปกรรมส่งผลแล้ว แม้จะหลบหนีไปยังที่ใด จะเป็นภูเขา แผ่นดิน แม่น้ำกลางทะเล ผู้นั้นย่อมอยู่ร้อนนอนทุกข์ มีแต่เดือดเนื้อร้อนใจ

ดังนั้น เกิดมาแล้วควรที่จะเร่งรีบสร้างความดีงามให้ ทำลูกให้ลูกหลานดู กตัญญูให้ลูกหลานเห็น เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ลูกหลาน เห็นระลึกถึงมีแต่ผู้คนอยากเข้าใกล้ ยามอยู่ให้มีผู้เลี้ยงกาย ยามตายให้มีผู้เลี้ยงวิญญาณ ยามอยู่ให้มีผู้อุปัฏฐาก ยามจากให้มีคนอาลัย

ในเรื่องนี้อยากยกตัวอย่างขุนนางจีน คนไทยแฟนละครจีนรู้จักกันดี คือ ขงเบ้ง หรือ จูเก๋อเหลียง ที่ยามมีชีวิตอยู่ห่วงใยความมั่นคงของประเทศ มุ่งพัฒนาการผลิต สามารถรู้จักใช้คนให้รางวัลและลงโทษอย่างชัดเจน เป็นแบบอย่างที่ดีในการปกครอง ความประพฤติ และความเป็นอยู่ ตลอดจนการสั่งสอนบุตร มีความซื่อสัตย์ยุติธรรม ไม่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ลูกหลานล้วนเจริญรอยตาม พลีชีพในสนามรบ ครั้นจากไปก็เป็นที่อาลัยรักของราษฎร ไม่เพียงฝากนามเลื่องลือไว้ในประวัติศาสตร์เท่านั้น

ผู้แทน หรือผู้นำข้าราชการ ควรที่จะมีศีลธรรมประจำใจตน ถ้ามีศีลธรรม หรือว่ามีธรรมะ ก็จะมีสิ่งที่ดีงามเข้ามาในชีวิต และมีทรัพย์สินเงินทองใช้ เพราะว่าธรรมะหรือศีลธรรมข้อแรกที่กล่าวข้างต้น คือ ธรรมะคุ้มครองโลก หิริ ความละอายแก่ใจ โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อบาป รู้หลักธรรมะเพียงข้อเดียวก็ถือได้ว่า ทำหน้าที่ของมนุษย์ได้อย่างถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ อย่าเป็นผู้ใหญ่ ผู้แทนที่หาแต่ความสนุก ไม่ได้คิดแต่บำรุงบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยะประเทศ เพราะผู้แทนบางคนชอบที่จะทำการทุจริตโดยวิธีการต่างๆ จนเป็นข่าวลือปรากฏไปทั่วโลกว่าประเทศของเรานั้นมีแต่ความไม่โปร่งใส

ตั้งแต่บ้านเมือง ยันวัดวาอาราม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *