หากชาติย่อยยับอับจน
“หากชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยู่อย่างไร”
จากพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวข้างต้นนั้น หากประเทศชาติใดมีคนที่เห็นแก่ตัว ตักตวงผลประโยชน์ตน มีความเห็นแก่ตัวมาก เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือคอรัปชั่น โกงด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ประเทศชาตินั้นก็จะไม่มีความเจริญ ประชาชนมีความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้น บ้านเมืองดูสกปรก รกรุงรังไม่เจริญหูเจริญตา ผู้ที่มาเที่ยวยังประเทศไทยก็จะได้รับการดูหมิ่นดูแคลน ผู้นำประเทศ ไปยังที่แห่งใด หากเขารู้เขาทราบถึงสภาพบ้านเมืองก็จะเกิดความรังเกียจ หรือหนักที่สุดก็จะไม่ยอมคบหาสมาคม
ต่างกันกับประเทศที่คนในชาติมีอุปนิสัยเสียสละไม่เห็นแก่ตัว ชาตินั้นมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง เป็นที่นับหน้าถือตาของนานาอารยะประเทศ ในที่นี้อยากจะขอยกตัวอย่าง บางประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น ผู้เขียนรู้สึกว่าเป็นประเทศอันดับต้นๆ ของเอเชีย ญี่ปุ่นนั้นมีทรัพยากรธรรมชาติเป็นพิษ บ่อยครั้งที่มีแผ่นดินไหว หรือบางทีคลื่นทะเลรุนแรงพัดพาทำลายบ้านเรือนผู้คน ภูเขาไฟระเบิดบ้าง ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้สงบเหมือนพี่ไทยน้องลาว แต่ว่าทรัพยากรบุคคลของญี่ปุ่นมีความเจริญรุ่งเรือง ประชาชนของประเทศญี่ปุ่น มีความเสียสละ มีความรักชาติและมุ่งประโยชน์สุขส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ผู้ที่มีความรู้จะนำความรู้ที่ตนมีไปใช้ในทางที่เกิดประโยชน์แก่ชาติเป็นส่วนใหญ่ ความเสื่อมหรือว่าความเจริญของประเทศญี่ปุ่นนี้ อยู่ที่การพัฒนาของบุคคลเป็นสำคัญ
ดังที่จะเห็นได้ว่า เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองจบลง ประเทศญี่ปุ่นแพ้สงครามโลก ถูกระเบิดนิวเคลียร์ทำลายล้างสองเมืองใหญ่ ญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกอย่างยับเยิน สภาพแบบนี้ถูกมองว่า ประเทศญี่ปุ่นคงบอบซ้ำไปไม่ต่ำกว่า 200 ปี แต่ภายในระยะเวลา 20 กว่าปีเท่านั้น ญี่ปุ่นฟื้นขึ้นมาเหมือนกับมีปาฏิหาริย์ หากว่าเป็นมนุษย์ คงพิการไปตลอดชีวิต แต่ทรัพยากรมนุษย์ ผู้คนกลับแข็งแกร่งกว่าชาติใดในเอเชีย ทรัพยากรมนุษย์ของประเทศดีเหลือเกิน มีค่านิยมที่ดี เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยิ่งยวด
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีแต่น้ำใจ ของตกหล่นไม่มีหาย สังเกตดูเวลาประเทศเพื่อนบ้านมีภัยพิบัติประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศแรกๆ ที่บริจาคเงินช่วยเหลือ ประเทศญี่ปุ่นไม่มีกองทัพใหญ่โต ที่ต้องจัดสรรงบประมาณมากมาย แต่ประเทศก็สามารถพัฒนาไปได้ด้วยดี
มีคำถามว่า การศึกษาของผู้คนที่สูง เพราะผู้คนมีโอกาสได้เรียนหนังสือสูงๆ ต้องเป็นผู้ประพฤติตัวดีกว่าผู้คนที่ไม่ได้เล่าเรียนนั้นจริงหรือ เปล่าเลย คนที่มีการศึกษาสูงๆ ต่างหาก ที่มีอัตราการโกงทุจริตมากกว่าผู้ที่ได้ร่ำเรียนมาน้อย เพราะว่าหากมีความรู้น้อยก็คงโกงไม่ค่อยคล่อง โกงไม่สนิท แต่ว่ายิ่งรู้มาก ยิ่งโกงคล่อง และมีวิธีโกงอย่างพิสดาร ทำให้เกิดวาทะกรรมเชือดเฉือนกันมากมาย เช่น เลี่ยงภาษี กำไรสวนต่าง การซื้อขายหุ้น เอื้อผลประโยชน์ นิรโทษกรรมสุดซอย โตไปไม่โกง ไดโนเสาร์เต่าล้านปี ส่งผลให้เกิด ความแตกแยกทางสังคมมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการศึกษาไม่ได้เป็นเครื่องการันตีความซื่อสัตย์สุจริต พระพุทธเจ้าของเราตรัสว่า “คนที่ไม่มีธรรมเป็นเครื่องดำเนินตาม” การดำเนินชีวิตต้องมีธรรมะ ความถูกต้องเป็นเครื่องประคับประคอง เพราะคนดีนั้นมาจากธรรม หากว่าปราศจากธรรมแล้ว ก็จะหันเหไปเป็นผู้ทุจริต การโกงเป็นมะเร็งร้ายของประเทศชาติ สังคมเป็นอัมพาตไป เพราะเดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็มีแต่คำประณามหยามหมิ่น
ปัญหาที่ท้าทายอีกอย่างหนึ่ง คือ จะทำอย่างไรที่ผู้แทนของเราจะมีความรักชาติยิ่งกว่าความสุขของตน หรือมุ่งเอื้อผลประโยชน์ให้แก่พวกพ้องเพื่อตอบแทนให้น้อยลง และที่สำคัญจะปลูกฝังกันอย่างไร ให้ประชาชนของเรามีความซื่อสัตย์สุจริต มีอุดมคติที่ถูกต้อง คือ ยึดถือความสุจริต ความดีงาม ความถูกต้อง มากกว่าบูชาเงินตรา สิ่งของภายนอกที่เป็นเปลือก คือการส่งเสริมสนับสนุนคนดีให้คนดีมีที่ยืนในสภาอังทรงเกียรติ
ดังพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชการที่ 9 ที่ได้ตรัสไว้ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติว่า ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การจะทำให้ บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่ การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้
ทางพระพุทธศาสนามองว่า ผู้ที่จะเป็นผู้นำที่ดีได้ ต้องประกอบไปด้วย คุณสมบัติ 3 ประการ คือ
- ปฎิรูปการี ทำการงานให้เหมาะสมแก่การสมัยและสถานที่ ไม่ใช่ดีเฉพาะช่วงเวลาที่หาเสียง
- ธุรวา เป็นผู้ทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่เครียด คือเป็นธุระอยู่เสมอ ไม่ทอดธุระเสียกลางครัน หรือจับจด จับๆ วางๆ
- อุฎฐาตา มีความเพียร ขยันลุกขึ้นทำงาน ไม่หาความสนุกจากการนอน นอนเพื่อพักผ่อนร่างกายเท่านั้น เมื่อหายเหนื่อยก็ทำงานต่อไป และประการสุดท้าย คือ
- วิริยารัมภะ มีความเพียรสม่ำเสมอ
หากประกอบด้วยคุณสมบัติดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นผู้นำ ผู้แทนที่จะพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป